น.ส.ธรธิดา กล่าวต่อว่า ก่อนโอนเงินตนไม่มีข้อสงสัยหรือกังวลแม้แต่อย่างใด เนื่องจากโปรไฟล์และชื่อเป็นเพื่อนสนิทและติดต่อกันเป็นประจำ แต่เมื่อตนส่งสลิปกลับไปได้ไม่นานผู้ใช้ไลน์ดังกล่าวได้กดยกเลิกการเป็นเพื่อนกับตนในทันทีจึงแน่ใจว่าถูกหลอก จึงรีบโทรศัพท์ไปหานางนิตยาอีกครั้งก่อนได้รับข้อมูลว่ามีเพื่อนในกลุ่มไลน์นับ 10 ราย โทรศัพท์เข้ามาสอบถามว่าเป็นผู้แชทไลน์เข้ามาขอยืมเงินหรือไม่ และที่ไม่ได้รับสายช่วงแรกเนื่องจากติดสาย ซึ่งอยู่ระหว่างการชี้แจงกับเพื่อนๆว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ใช่ผู้ขอยืมเงินกับผู้ใดทั้งสิ้น

 

ระหว่างนั้นมีเหยื่อเกิดหลงเชื่ออีก 1 ราย คือนางสิริอมร หรืออุ้ย นิลกำแพง อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเช่นกัน โดยผู้แอบอ้างใช้วิธีการหลอกล่อในลักษณะเดียวกับตน ซึ่งภายหลังจากนางสิริอมร โอนเงินไปให้จำนวน 47,000 บาทแล้ว ยังถูกหว่านล้อมขอให้โอนเพิ่มอีก 88,000 บาท แต่เมื่อนางสิริอมร กำลังจะโอนไปให้แต่ปรากฏว่าไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้เนื่องจากระบบสามารถโอนได้ต่อวันเพียงแค่ 1 แสนบาทเท่านั้น จึงส่งข้อความกลับไปบอกว่าโอนได้แค่ 53,000 บาท ซึ่งปลายทางตอบกลับมาว่าแค่นั้นก็ได้ แต่นางสิริอมรเริ่มสงสัยจึงไม่ยอมโอนเงินไปให้จนเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 20 นาที คนร้ายได้ลบเพื่อนไปในทันที

 

“ภายหลังเกิดเหตุดิฉันโทรศัพท์ไปยังทางธนาคารเพื่อขอให้อายัดเงินที่โอนไปแต่ทางธนาคารไม่สามารถทำได้ เนื่องจากปลายทางเป็นของอีกธนาคารหนึ่ง จึงโทรศัพท์ติดต่อไปยังธนาคารนั้น กลับได้รับการชี้แจงว่า ไม่สามารถทำได้เช่นกันเนื่องจากต้องมีใบแจ้งความร้องทุกข์จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กว่าจะไปแจ้งความเสร็จ เงินก็ถูกถอนออกไปแล้ว” ผู้เสียหายกล่าว

 

น.ส.ธรธิดาเผยว่าไปแจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม ส่วนนางสิริอมร ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ และทราบชื่อเจ้าของบัญชีที่โอนไปแล้ว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพื่อจะไม่ไปหลอกลวงใครอีก